มาตรฐานระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (IM)
มาตรฐานที่ 1 การวางแผนและออกแบบระบบ
มีการวางแผนและออกแบบระบบสารสนเทศที่เหมาะสม และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
1. มีการวางแผนการใช้สารสนเทศในการดูแลรักษาผู้ป่วย การพัฒนาคุณภาพ การบริหาร หรือการศึกษา หรือการวิจัย
2. มีการออกแบบระบบสารสนเทศให้สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนในข้อ 1.1
3. มีการออกแบบระบบสารสนเทศโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
4. บุคคลที่เกี่ยวข้องมีส่วนให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและออกแบบระบบสารสนเทศ
5. มีการจัดทำและทบทวนแผนบริหารระบบสารสนเทศ ประกอบด้วย
1. มาตรฐานข้อมูล
2. มาตรฐานเทคโนโลยี
3. ขั้นตอนดำเนินงานตามลำดับ
4. เกณฑ์ในการเลือกเก็บข้อมูล ระยะเวลาและวิธีการในการคงเก็บข้อมูล
5. มีเกณฑ์ในการปรับแก้ข้อมูลให้ทันสมัยและเป็นจริงอยู่เสมอ
6. การรักษาความปลอดภัยและความลับของข้อมูล
2. ขยายความ
การวางแผนและออกแบบระบบสารสนเทศ (มาตรฐานข้อ 1) | การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง (มาตรฐานข้อ 1.4) | |
ความเหมาะสมของระบบสารสนเทศ | การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องอาจมีลักษณะ | |
พิจารณาจากขนาด ความซับซ้อน พันธกิจ | เฉพาะกิจหรือมีการจัดตั้งเป็นกรรมการถาวร | |
และความต้องการของผู้ใช้ในระดับต่าง ๆ | การมีส่วนร่วมในลักษณะเฉพาะกิจ เช่น การ | |
ผู้ใช้ในที่นี้ครอบคลุมทั้งผู้ปฏิบัติงานระดับ | ประเมิน คัดเลือก เทคโนโลยีสารสนเทศ | |
ล่าง หัวหน้าหน่วยงาน และผู้บริหารโรงพยาบาล | การมีส่วนร่วมในลักษณะกรรมการถาวร เช่น | |
การออกแบบระบบสารสนเทศ ประกอบด้วยการ | การจัดตั้งคณะกรรมการเวชระเบียนซึ่งประกอบ | |
วิเคราะห์ความต้องการใช้สารสนเทศ การกำหนด | ด้วย ผู้แทนแพทย์ ผู้แทนพยาบาล ผู้แทนวิชา | |
ประเภทของข้อมูลนำเข้า วิธีการบันทึกข้อมูล วิธีการ | ชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าหน่วยเวชระเบียน ทำหน้าที่ | |
ประมวลผลข้อมูล วิธีการเคลื่อนย้ายข้อมูลและสารสน | 1) กำหนดมาตรฐานและนโยบายสำหรับสำหรับ | |
เทศ วิธีการรายงานข้อมูล และสารสนเทศ | เวชระเบียนผู้ป่วย | |
2) นำแบบฟอร์มใหม่เข้ามาใช้หรือเปลี่ยนแปลง | ||
ฟอร์มเดิม |
3) พิจารณานโยบายและวิธีปฏิบัติสำหรับ | 5) ค่าบริการที่เกิดกับผู้ป่วยแยกตามประเภท | |
หน่วยเวชระเบียน | บริการ ควรแยกละเอียดตามหน่วยงานผู้ให้ | |
4) วิเคราะห์ความครบถ้วนสมบูรณ์ของ | บริการเพื่อให้สามารถคำนวณกลับไปเป็นต้นทุนได้ | |
การบันทึกเวชระเบียนและคุณภาพของการบันทึก | โดยการใช้อัตราต้นทุนต่อค่าบริการของหน่วยงาน | |
รหัสซึ่งควรมีการทบทวนอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง | นั้นมาคูณ | |
แผนบริหารระบบสารสนเทศ | ระยะเวลาในการคงเก็บข้อมูลควร | |
(มาตรฐานข้อ 1.5) | พิจารณาจาก กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง, การใช้เพื่อ | |
การจัดทำมาตรฐานข้อมูล มีวัตถุประสงค์ | ดูแลรักษาผู้ป่วย, การใช้เป็นหลักฐานพยานทาง | |
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถแลก | ศาล, การวิจัย, และการศึกษา | |
เปลี่ยนกันระหว่างระบบต่าง ๆ ได้ และกับ | วิธีการคงเก็บข้อมูลอาจอยู่ในรูปของ | |
หน่วยงานภายนอก ควรประกอบด้วย | เอกสารต้นฉบับ, การถ่ายลงไมโครฟิล์ม หรือการ | |
ชุดข้อมูลขั้นต่ำที่จะจัดเก็บ (minimal data set), | แปลงไปอยู่ในรูปอิเลคโทรนิค | |
คำจำกัดความข้อมูล, การใช้รหัส,การจัดกลุ่ม, | การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล | |
คำศัพท์, และรูปแบบในการจัดเก็บข้อมูล | จะต้องมีวิธีการที่สามารถป้องกันการสูญหายของ | |
ทั้งนี้ควรจะอ้างอิงกับมาตรฐานภายนอกที่มีอยู่ | ข้อมูล, ความเสียหายทางกายภาพ, การแก้ไขดัด | |
แล้วให้มากที่สุด | แปลงโดยผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่ | |
ชุดข้อมูลขั้นต่ำสำหรับการดูแลผู้ป่วยใน | การป้องกันความเสียหายทางกายภาพจะต้อง | |
ควรประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย | คำนึงถึงสถานที่เก็บรักษาข้อมูลเป็นสำคัญ เช่น | |
1) ข้อมูลเฉพาะของผู้ป่วย ได้แก่ เลข | สถานที่เก็บเวชระเบียนควรปลอดภัยจากความร้อน | |
ประจำตัว, เพศ, วันเกิด, วันที่รับไว้ในโรง | ความชื้น, สัตว์กัดแทะ, และอัคคีภัย | |
พยาบาลและวันจำหน่าย | การรักษาความลับของข้อมูล | |
2) การวินิจฉัยโรค ซึ่งควรแยกออกเป็น | จะต้องมีการกำหนดนโยบายและวิธีปฏิบัติเป็น | |
การวินิจฉัยโรคที่เป็นสาเหตุของการนอนโรง | ลายลักษณ์อักษรในเรื่องต่อไปนี้ | |
พยาบาลภาวะการเจ็บป่วยร่วมเมื่อแรกรับ | 1) ระดับในการรักษาความลับและสิทธิการ | |
(co-morbidity) และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น | ใช้ข้อมูลสำหรับผู้เกี่ยวข้องในระดับต่าง ๆ | |
ในโรงพยาบาล (morbidity) | 2) มาตรการในการรักษาความลับของข้อมูล | |
3) หัตถการที่ผู้ป่วยได้รับ | ผู้ป่วยที่เก็บไว้ด้วยคอมพิวเตอร์ | |
4) สถานภาพจำหน่าย (กลับบ้าน, ส่งต่อ, | 3) การอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลผู้ป่วย | |
เสียชีวิต) | 4) การอนุญาตให้ผู้ป่วยดูและใช้เวชระเบียน | |
ของตนเอง |
มาตรฐานที่ 2 การดำเนินงานระบบสารสนเทศ
มีการเชื่อมโยงข้อมูลและสารสนเทศเพื่อใช้ในการบริหาร การดูแลผู้ป่วย และการพัฒนาคุณภาพ
1. มีการเชื่อมโยงข้อมูล/สารสนเทศจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประสิทธิภาพของการกระจายข้อมูล/สารสนเทศ หรือ เพื่อลดความขัดแย้งกันของข้อมูลที่เกิดขึ้นจากหลายฐานข้อมูล
2. มีการสังเคราะห์ แปลผลข้อมูล/สารสนเทศเพื่อประโยชน์ในการบริหาร การดูแลผู้ป่วย การพัฒนาคุณภาพ และการรายงานต่อส่วนราชการ
3. มีการกระจายข้อมูลและสารสนเทศที่เหมาะสมแก่ผู้ใช้อย่างถูกต้อง ทันเวลา โดยมีรูปแบบและวิธีการที่เป็นมาตรฐานและง่ายต่อการใช้
4. มีการสนับสนุนทางเทคนิค โดยให้คำปรึกษา และ/หรือให้ความรู้/ฝึกอบรม แก่ผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามความเหมาะสม
2. ขยายความ
การสังเคราะห์ แปลผลข้อมูล/สารสนเทศ | 3) การกลับมารับบริการซ้ำโดยไม่ได้วางแผน | |
(มาตรฐานข้อ 2.2) | เช่น การนอนโรงพยาบาลซ้ำภายใน 2 สัปดาห์ | |
ตัวอย่างการสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อการพัฒนา | การเข้ารับการผ่าตัดซ้ำภายใน 2 วัน | |
คุณภาพและการบริหาร ได้แก่การประมวลผล | 4) ต้นทุนรายโรค/หัตถการ หรือ กลุ่มโรค/ | |
ข้อมูลทางคลินิก และข้อมูลทางการเงิน เพื่อให้ | กลุ่มหัตถการ ซึ่งสามารถคัดเลือกผู้ป่วยที่มีค่าใช้ | |
ได้สารสนเทศต่อไปนี้ | จ่ายสูงมาวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ | |
1) ลักษณะการเสียชีวิตที่พบบ่อยในโรง | 5) วันนอนโรงพยาบาลรายโรค/หัตถการ | |
พยาบาล และอัตราการเสียชีวิตรายโรค/กลุ่มหัตถการ | หรือกลุ่มโรค/กลุ่มหัตถการ ซึ่งสามารถคัดเลือก | |
หรือกลุ่มโรค/กลุ่มหัตถการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน | ผู้ป่วยที่มีวันนอนโรงพยาบาลนานกว่าที่ควรมา วิเคราะห์ | |
กลุ่มมารดาที่มาคลอดบุตร และผู้ป่วยผ่าตัด | เพิ่มเติมได้ | |
2) ลักษณะภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในโรง | กลุ่มโรค/กลุ่มหัตถการที่น่าจะนำมาใช้วิเคราะห์ | |
พยาบาล และอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนรายโรค | คือการจัดกลุ่มตาม DRG (Diagnosis Related | |
/หัตถการ หรือกลุ่มโรค/กลุ่มหัตถการ | Group) |
มาตรฐานที่ 3 บริการเวชระเบียน
มีการจัดระบบบริการเวชระเบียนเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและผู้ให้บริการ
1. มีระบบดัชนีและระบบการจัดเก็บซึ่งเอื้อต่อการค้นหาเวชระเบียนได้อย่างรวดเร็ว ทันความต้องการของผู้ใช้
2. มีบริการค้นหาเวชระเบียนตลอด 24 ชั่วโมง
3. เวชระเบียนผู้ป่วยในทุกฉบับได้รับการบันทึกรหัสและทำดัชนีภายในเวลาที่กำหนดไว้
4. มีระบบบันทึกเพื่อให้สามารถสืบหาเวชระเบียนที่ถูกยืมออกไปจากหน่วยงานได้
2. ขยายความ
การบันทึกรหัสและจัดทำดัชนี | เช่น Read’s code หรือรหัสที่โรงพยาบาลกำหนด | |
(มาตรฐานข้อ 3.3) | เอง แต่จะต้องสามารถแปลงมาเป็นรหัส ICD ได้ | |
การบันทึกรหัสควรใช้รหัสมาตรฐานระหว่าง | ทันที | |
ประเทศที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ ICD 10 สำหรับ | ควรมีการปรึกษาหารือในกลุ่มผู้เกี่ยวข้องเพื่อ | |
การวินิจฉัยโรค และ ICD9-CM สำหรับ | กำหนดระยะเวลาที่จะต้องบันทึกรหัสให้แล้วเสร็จ | |
หัตถการต่าง ๆ โรงพยาบาลอาจจะพิจารณา | อย่างเหมาะสม เช่น 14 วันหลังจำหน่าย | |
บันทึกการวินิจฉัยโรคโดยใช้รหัสซึ่งบ่งบอกราย | ||
ละเอียดไว้อย่างครบถ้วน |
มาตรฐานที่ 4 บันทึกเวชเวชระเบียน
มีการจัดทำเวชระเบียนสำหรับผู้ป่วยทุกรายเพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ดีระหว่างทีมงานผู้ให้บริการ เกิดความต่อเนื่องในการดูแลรักษา และประเมินคุณภาพการดูแลรักษาได้
1. มีการจัดทำเวชระเบียนสำหรับผู้ป่วยทุกรายที่เข้ารับบริการของโรงพยาบาล โดยมีข้อมูลและรายละเอียดเพียงพอสำหรับวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
1. ทราบว่าผู้ป่วยเป็นใคร
2. ทราบเหตุผลของการรับไว้นอนโรงพยาบาล
3. มีข้อมูลสนับสนุนการวินิจฉัยโรค
4. ประเมินความเหมาะสมของการดูแลรักษาผู้ป่วย
5. ทราบผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย
6. เอื้ออำนวยต่อการดูแลอย่างต่อเนื่องของผู้ให้บริการ
7. ให้รหัสได้อย่างถูกต้อง
1. มีนโยบายและวิธีปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับการบันทึกและการเก็บรายงานผลใน เวชระเบียน
2. ขยายความ
ข้อมูลและรายละเอียดในเวชระเบียน | บันทึกระหว่างการนอนโรงพยาบาล | |
(มาตรฐานข้อ 4.1) | มีบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและการให้คำ | |
ข้อมูลประจำตัวผู้ป่วย | ปรึกษาโดยแพทย์ พยาบาล และวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง | |
เวชระเบียนทุกฉบับควรประกอบด้วยข้อมูล ต่อไปนี้ | เช่น การเปลี่ยนแปลงภาวะของผู้ป่วยการตอบสนอง | |
? เลขที่ประจำตัวผู้ป่วย | ต่อการรักษา | |
? ชื่อ | บันทึกเมื่อจำหน่ายผู้ป่วย | |
? ที่อยู่ | ควรมีการบันทึกสรุปการนอนโรงพยาบาลทันทีที่ | |
? วันเดือนปีเกิด | จำหน่ายผู้ป่วย ประกอบด้วย การวินิจฉัยโรค หัตถการที่ | |
? เพศ | เกี่ยวข้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เวชระเบียน สามารถให้รหัสได้ | |
? บุคคลที่ติดต่อเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน | ควรมีบันทึกสรุปเมื่อจำหน่าย (discharge | |
บันทึกทุกหน้าของเวชระเบียนควรมีเลขที่ | Summary) ภายใน 14 วันหลังจำหน่าย ประกอบด้วย | |
ประจำตัวและชื่อผู้ป่วย | ? การวินิจฉัยโรคเมื่อจำหน่าย | |
บันทึกการประเมินผลและวางแผนรักษาเมื่อ | ? สรุปการตรวจพบและเหตุการณ์ที่สำคัญระหว่าง | |
แรกรับ ควรประกอบด้วย | นอนโรงพยาบาล | |
? ประวัติผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการมารับการ | ? หัตถการและการรักษาที่ให้แก่ผู้ป่วย | |
รักษาครั้งนั้น | ? ผลลัพธ์จากการรักษา | |
? บันทึกการตรวจร่างกายโดยแพทย์ | ? สภาพผู้ป่วยเมื่อจำหน่าย | |
? การวินิจฉัยโรคขั้นต้น | ? คำแนะนำที่ให้แก่ผู้ป่วย | |
? เหตุผลในการรับไว้รักษา เป้าหมายในการ | ? การนัดหมาย | |
รักษา แผนการรักษา | ในกรณีที่ต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรับการรักษาที่อื่น | |
บันทึกประวัติและการตรวจร่างกายควรมี | ควรมีจดหมายส่งตัวซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเช่นเดียว | |
รายละเอียดเพียงพอสำหรับให้แพทย์ผู้อื่นให้ | กับบันทึกสรุปเมื่อจำหน่ายให้กับผู้ป่วยไปด้วย และ | |
การดูแลฉุกเฉินได้ | มีสำเนาเก็บไว้ในแฟ้มเวชระเบียน | |
เมื่อมีการตรวจศพ ควรมีการบันทึกการ | ||
วินิจฉัยทางกายวิภาคขั้นต้นไว้ในเวชระเบียน |
ภายใน 72 ชั่วโมงและบันทึกเพิ่มเติมให้ | นโยบายและวิธีปฏิบัติ (มาตรฐานข้อ 4.2) | |
สมบูรณ์ใน 1 เดือนหลังจากผู้ป่วยเสียชีวิต | ควรมีการกำหนดในเรื่องต่อไปนี้ | |
บันทึกการผ่าตัด/หัตถการ/การระงับ | 1) การใช้คำย่อและสัญญลักษณ์ที่ทาง | |
ความรู้สึก | โรงพยาบาลรับรอง | |
ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด/หัตถการ และ/ | 2) การระบุข้อมูลเกี่ยวกับการแพ้ยา ความเสี่ยง | |
หรือบริการระงับความรู้สึก ควรมีการบันทึก | ต่อการติดเชื้อ ของผู้ป่วยแต่ละราย | |
ข้อมูลต่อไปนี้เพิ่มเติม | 3) การใช้คำสั่งรักษาด้วยคำพูด ผู้มีหน้าที่ใน | |
? การวินิจฉัยโรคก่อนการผ่าตัด | การบันทึกคำสั่ง การกำหนดประเภทของคำสั่งที่ | |
? บันทึกการผ่าตัด ซึ่งบรรยาย สิ่งตรวจพบ, | อาจจะเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยซึ่งแพทย์ผู้สั่งต้องมาลง | |
วิธีการผ่าตัด, สิ่งที่ถูกตัดออก, การวินิจฉัย | นามกำกับภายในเวลาที่กำหนดไว้ | |
โรคหลังผ่าตัด, ชื่อแพทย์ผู้ผ่าตัดและลาย | 4) การลงวันที่ เวลา และการลงนามผู้บันทึก | |
เซ็น | 5) ระบบที่จะค้นหาข้อมูลของผู้ป่วยแต่ละราย | |
? บันทึกการระงับความรู้สึก (รายละเอียดใน | หากมีการเก็บแยกไว้คนละที่ | |
มาตรฐานวิสัญญีวิทยา) | 6) กำหนดระยะเวลาที่จะต้องบันทึกข้อมูลให้ | |
? บันทึกหลังการผ่าตัด (รายละเอียดในมาตร | เสร็จสิ้นสมบูรณ์ สำหรับการบันทึกเมื่อแรกรับ | |
ฐานวิสัญญีวิทยา) | การทำหัตถการ และการบันทึกเมื่อจำหน่าย | |
7) กำหนดระยะเวลาที่จะต้องเก็บบันทึกผล | ||
บันทึกการติดตามรักษาต่อเนื่อง | การตรวจทางห้องปฏิบัติการและรังสีวิทยาเข้าใน | |
ผู้ป่วยนอกที่มาติดตามรักษาต่อเนื่องตั้งแต่ | เวชระเบียนผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้ | |
3 ครั้งขึ้นไป ควรมีการทำตารางสรุปข้อมูล | ป่วยถูกจำหน่ายก่อนที่จะได้รับผลการตรวจ | |
ต่อไปนี้ การวินิจฉัยโรคที่สำคัญ, หัตถการที่เคย | ||
ได้รับ, การแพ้ยา, ยาที่ได้รับ |